สวัสดีครับเพื่อนนักรบธรรมทุกท่านครับ ช่วงนี้หายไปจากบอร์ดไม่ได้โพสข้อความ แต่ก็พยายามติดตามความเคลื่อนไหวตลอดครับ เห็นเพื่อนนรธ.ช่วยกันทำบุญ ในการสร้างศาลาฯ, หอฉัน, โรงครัว ฯลฯ ก็ขออนุโมทนาบุญทุกประการกับทุกๆท่านด้วยครับ
เมื่อวันที่ 23-25 ก.พ. ที่ผ่านมาได้มีโอกาสขึ้นไปกราบพ่อแม่ครูอาจารย์ ที่ภูดานไห ช่วงนี้ที่ 'ดานไหอากาศร้อนมาก ก็ร้อนเฉพาะกายเท่านั้นแหละครับ แต่ไม่ยอมให้จิตร้อนตามไปด้วย พยายามทำให้จิตของเราทนอยู่กับความร้อนให้ได้ ไม่ยอมตามใจจิตมัน มันอยากจะให้หลบเข้าไปในที่เย็นที่สบาย ก็ฝืนให้มันทนอยู่กับความร้อนอย่างนั้น ดูซิว่าจะเป็นอย่างไร
พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านสอนว่า ธรรมชาติของจิตแล้วชอบความสบาย ตรงไหนสบายก็อยากจะอยู่ตรงนั้นแหละ แต่ถ้าเราปล่อยจิตของเราอย่างนั้น มันจะเป็นสบายในตอนแรกแล้วจะลำบากในตอนท้าย ฉะนั้นอย่าได้คอยตามใจมัน ต้องให้คอยฝึกจิต ฝึกให้มันเคยชินกับความลำบาก ให้ลำบากก่อนแล้วค่อยสบายในตอนหลังจะดีกว่า ท่านมักเน้นในเรื่องการฝึกจิตอยู่เสมอ ครั้งแรกที่ได้ฟังเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่ท่านก็เมตตาสอนอีก คงสอนจนกระทั่งผมจะโผล่พ้นผิวน้ำแหละครับ
ท่านยกตัวอย่างสมัยท่านยังเป็นเด็ก วันหนึ่งอากาศร้อนมากเหงื่อก็ออกแทนที่ท่านจะถอดเสื้อ ท่านกลับเอาผ้าห่มมาห่มตัวอีก เหงื่อก็ยิ่งออก ท่านบอกว่า ท่านอยากจะรู้ว่าแล้วจิตจะเป็นอย่างไรต่อไป จิตจะทนไหวมั้ย ตอนนั้นท่านยังไม่เข้าใจว่านี่คือธรรม จนกระทั่งทุกวันนี้ ถ้าท่านนั่งภาวนาในกุฏิ อากาศมันร้อนก็จะทนนั่งอยู่อย่างนั้นแหละ นั่งจนกระทั่งจิตมันยอมรับความร้อนนั้น โดยไม่ร้อนใจ คือร้อนที่กาย แต่จิตกลับสบาย หรือถ้านั่งภาวนาตอนอากาศหนาว แทนที่จะห่มผ้า ท่านกลับห่มแค่จีวรบางๆ หรือถ้านั่งภาวนาในกลด แล้วถูกยุงเข้ามากัด ท่านจะเปิดกลดให้ยุงเข้ามากัดเลย
มันเป็นการฝึกจิต ให้แยกออกจากร่างกาย กายส่วนกาย ใจส่วนใจ กายแท้ๆมันไม่มีความรู้สึกนึกคิดใดๆเลย สุข-ทุกข์ เกิดขึ้นจากใจแท้ๆ ใจมีหน้าที่รับรู้อยู่แค่ใจ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับร่างกาย ต่างอันต่างทำหน้าที่รับรู้ของใครของมัน ตัวเราของเราจึงจะไม่เกิดขึ้น ท่านสอนเสมอว่าคนเราต้องมีสติ แต่เนื่องด้วยจิตของพวกเราเป็นปุถุชนคนธรรมดา ไม่อาจจะมีสติได้ตลอดเวลา จึงอาจทำให้หลงได้บ้าง แต่เมื่อไหร่มีสติรู้ ก็ให้ปล่อยวางเสีย ฝึกบ่อยๆจะทำให้จิตของเราเบาสบาย และครองสติได้นานขึ้น ถ้าเราครองสติได้นานขึ้นเท่าไหร่ เราก็สามารถขจัดกิเลสภายในของเรา ให้ลดน้อยถอยลงไปได้เท่านั้น
ท่านสอนอีกว่า คนพาลภายนอกคือคนที่ไม่มีศีลธรรม คนที่เกเร คนที่ชอบข่มเหงรังแกคนอื่น ฯลฯ มันไม่น่ากลัวเท่า คนพาลภายในซึ่งก็คือกิเลสที่อยู่ในใจของเรา จำพวกความรัก ความโลภ ความโกรธ ความหลง เหล่านี้ต่างหากที่น่ากลัว เพราะ มันสามารถนำพาเราลงสู่อบายภูมิได้โดยง่าย อย่างที่เราคิดไม่ถึง
ดังนั้นเราควรฝึกจิตของเราและเรียนรู้วิธีที่จะจัดการกับคนพาลภายในให้ได้ เพราะเดิมพันนั้นมันใหญ่หลวงนัก ใหญ่หลวงนัก ครับ
ได้มีโอกาสอยู่รับใช้ใกล้พ่อแม่ครูอาจารย์ เห็นท่านทำงานแล้ว เหนื่อยแทนท่านครับ อะไรที่ช่วยแบ่งเบาภาระได้ก็พยายามทำ ทำให้เต็มที่ครับ เคยกราบเรียนถามท่านว่า พ่อแม่ครูอาจารย์ เหนื่อยมั้ยครับ ท่านบอกว่า ไม่เหนื่อยหรอก ทำงานไปด้วย ภาวนาไปด้วย เพียงแต่เปลี่ยนอิริยาบทการภาวนาเท่านั้น
เช้า...เห็นท่านออกมาจากกุฏิตอนเช้า แล้วออกไปบิณฑบาตรที่กุดหว้า กลับมาทำงานสักพัก แล้วค่อยฉันจังหัน หลังจากฉันเสร็จแล้วก็ทำงานตลอดวัน ไม่ได้กลับเข้ากุฏิพักอีกเลย จนกระทั่งกลับไปสรงน้ำเกือบ 5 ทุ่ม แล้วก็กลับออกมา เมตตาสั่งสอนธรรมจนใกล้จะ ตี1 ท่านจึงให้คนอื่นพักผ่อน ส่วนตัวพ่อแม่ครูอาจารย์ ผมคิดว่าท่านคงกลับไปภาวนาแล้วเดินจงกลมต่อที่กุฏิครับ
วัตรปฏิบัติเยี่ยงนี้ ผมอยู่กับท่านตลอดทั้งวันทั้งคืน น้ำตามันตกในครับ ทั้งเคารพสุดจิตสุดใจ ทั้งสงสารธาตุขันธ์ของท่าน โดนยุงท้องมาร กัดที่แขนข้างซ้าย แขนบวม 2-3 วันค่อยยุบ วันหลังเป็นหวัดลงคอ เสียงไม่มีเลยครับ ลำตัวด้านซ้าย มีอาการชาเพราะเอี้ยวตัวทาสีนานนานครับ ท่านบอกว่าตัวท่านไม่เป็นอะไร ธาตุขันธ์ต่างหากที่เป็น
ข้าพเจ้าขออาราธนาบารมีพ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโชเจ้า ขอให้ผู้ข้าและเหล่านรธ.ทุกท่านเป็นผู้ที่มีสติปัญญาเฉียบแหลม ร่างกายสมบูรณ์ พูนผลด้วยธนสารสมบัติ ผู้ข้าและเหล่านรธ.จะขอสนองงานของพ่อแม่ครูอาจารย์ ทุกประการ ในการสร้างวัดเกศแก้วเกศาธรรมแห่งนี้ ให้สำเร็จลุล่วงสมความปรารถนา ของพ่อแม่ครูอาจารย์ เพื่อน้อมถวายเป็น พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา สืบสานพระศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองตลอดกาลนาน เทอญ...
ขอน้อมกราบแทบบาทพ่อแม่ครูอาจารย์
ปล.ถ้าถ้อยธรรมนี้ ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ใดก็ตามที่ได้เข้ามาอ่าน ผู้ข้าขอยกความดีทั้งหลายทั้งปวงให้แด่พ่อแม่ครูอาจารย์ ที่ได้พยายามอบรมสั่งสอนผู้ข้าให้เป็นบัวที่อยู่เหนือน้ำ
IT Man:
หายไปนาน แต่กลับมายังแน่นเหมือนเดิม ขอโมทนาสาธุในบุญกุศลและผลบุญที่ท่านซึ้งบนได้กระทำมาดีแล้ว
ขอขอบคุณมากๆที่ได้น้อมนำธรรมะแห่งองค์ท่านมาร่วมเผยแพร่ ให้เหล่า นรธ. และผู้สนใจก้าวเดินในทางธรรมได้รับทราบและดำเนินรอยตามแห่งองค์พ่อแม่ครูอาจารย์
ที่นอกจากท่านจักเทศน์โปรดแล้ว ท่านยังทำให้ดู แสดงให้เห็น โดยไม่ได้กังวลหรือห่วงใยในสังขารเลย แม้ดูจะธรรมดาสำหรับท่าน แต่เราสะเทือนใจ
ทั้งนี้ก็คงเพื่อให้เหล่าศิษย์ผู้ศึกษา ตระหนักรู้ สำนึกได้ และสะกิดในใจว่า "นี่เรากำลังทำอะไรอยู่"
ผู้ที่จักได้ธรรมมาครอง ต้องผ่านการศึกษาพิจารณา กาย > เวทนา > จิต > ธรรม อันเกิดขึ้นภายใต้กฏไตรลักษณ์กระนั้นหรือ? เริ่มเข้าใจนัยยะบางประการแล้ว
พูดถึงตรงนี้...ก็นึกย้อนกลับไปตอนเดินขึ้นเขา ติดตามองค์ท่านเพื่อเข้าไปเยี่ยมชม,ภาวนาในถ้ำแก้วโกมล อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน ตอนนั้นก็เดินตามหลังท่าน พยายามไม่ให้ห่าง จนได้สักประมาณ 1 กม. อาการของผมเป็นตายเท่ากัน เนื่องจากเหนื่อย หายใจไม่ทัน
องค์ท่านบอกว่า "หากเดินตามปกติธรรมดาก็ไม่เป็นไร แต่นี่...อยากเดินตามให้ทันครูบาอาจารย์ ผลก็เลยเป็นเช่นที่ว่า(ผมเสริมเอง)"
ทำให้ปกติเราต้องดูแลอุปัฏฐากท่าน กลายเป็นท่านต้องควานหายาดมและลูกอมวิเศษ รสชาดหวานเย็นดีที่สุดในโลก มามอบให้พวกเรา
ท่านบอกผมว่า "อินทรีย์ยังไม่แก่กล้า บารมียังไม่แก่รอบ ต้องทำความเพียรอีกแยะ(ผมเสริมเอง)"
ก็คงเป็นเพราะสบายๆทำตามใจมานาน ทั้งไม่ค่อยได้ฝึกฝนทั้งกำลังภายใน,ภายนอก คงอีกนานที่จักตามรับใช้องค์ท่านได้ในทุกสถานการณ์
โดยที่ไม่กระทบกระเทือนหรือเป็นภาระแก่องค์ท่าน
ถึงเวลาของพวกเราแล้ว อย่าให้องค์ท่านต้องเจ็บป่วยอีกเลย...
ขอให้พวกเรารีบเร่งเร็วไว ฝึกไป ฝืนไป ทนไปเถิดครับ นักรบธรรมแห่งภูดานไห สักวันหนึ่ง เราคงได้ธรรมมาครอง
ก็เพราะเราตามกันมา ประคับประครองกันมา ด้วยความปรารถนาหนึ่งเดียวที่ตั้งมั่น ไม่คลอนแคลนเป็นสอง มาโดยตลอดทุกภพชาติครับ
(ขอขอบคุณคุณแม่ฯที่ไขข้อสงสัยบางประการครับ)