วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554

23: แสวงบุญภูดานไห2.4...ภูผาผึ้ง


กราบ กราบ กราบ กราบ กราบ
หลังจากที่ผมถวายน้ำเกลือแร่สีแดง(ข้างๆ)
จากนั้นก็ขอถ่ายภาพนี้ (13:59) แล้วเรียกเหล่านักรบธรรมขึ้นมาฟังธรรม (13:59)
จากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ระอองฝนลงมา เม็ดเล็กๆแต่เย็นมาก (14:00)


ฝน>เย็น>ร้อน>เย็น>???
ไม่ต่างจาก ทุกข์>สุข>ทุกข์>สุข>???
ธรรมเดียวกัน ซึมซับ เข้าใจต่างกัน แต่ความรู้สึกภายใน เย็น เหมือนกัน
ดร.นนต์...บรรยากาศของหน้าผา ลานหิน บนยอดภูผาผึ้ง ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์แสงพระฉัพพรรณรังสีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและแสงสุริยเทพที่แผ่รังสีลงมาให้กับพ่อแม่ครูอาจารย์และเหล่านักรบธรรมในขณะการนั่งสมาธิภาวนาบนลานหิน บรรยากาศจะมัวๆสลับมีแดดบ้าง ตามภาพครับ





ดร.นนต์...ภาพเพิงผาสูงคล้ายผาแต้ม แต่อยูสูงจากพื้นดินมากและเล็กกว่า มีภาพแต้มเป็นรูปฝ่ามือของคนโบราณยุคก่อนประวัติศาสตร์ 3,000 ปีที่ผ่านมา ดินแดนแห่งนี้ พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านเล่าให้ฟังว่า เป็นดินแดนของเหล่าอริยเจ้า พระสงฆ์ ฤาษี ดาบส นักพรต ชีไพร แดนบังบด แดนเทพ และแดนวิญาณ มีทั้งดีและร้ายสุดๆ ผู้ใดมีพลังจิตและภูมิธรรมไม่เข้มแข็งไม่ควรเข้าไปบำเพ็ญผู้เดียวเป็นอันขาด

บริเวณเหล่านี้ เป็นที่พ่อแม่ครูอาจารย์และผู้ติดตามเคยมาบำเพ็ญอยู่หลายภพ ท่านเล่าให้ฟังว่า ภพหนึ่งท่านนุ่งห่มจีวรสีกลักเข้ม และถ้าจำไม่ผิด ผมได้ยินท่านหรือแม่ชมพูดว่า มีผู้ติดตามเป็นพระห้า เณรหนึ่ง (ความเห็นของผมคือ น่าจะเป็นพุทธประเพณีของนิยตโพธิสัตว์ที่จะลงมาตรัสรู้ในอนาคตอันใกล้ หมายถึงเหล่าปัญจวัคคีย์กระมัง....เป็นแค่ความเห็นครับ)

ตอนอยู่ในเพิงผา ผมได้นั่งสมาธิประมาณเกือบสิบนาที ปรากฏจิตดิ่งเร็วและสงบมาก แต่ต้องถอนสมาธิเพราะหมดเวลาที่จะอยู่ตรงนั้น หลังจากนั้น พ่อแม่ครูอาจารย์ถามผมอย่างมีปริศนาว่า ระลึกรู้เห็นอะไรหรือเปล่า ผมตอบท่านว่า ยังไม่เห็นอะไรครับ ผมลองมาพิจารณาถึงคำพูดของท่าน หรือว่าเราเคยติดตามท่านในการบำเพ็ญ ณ ที่แห่งนี้มาแล้ว จิตก็ดูคุ้นเคยกับที่แห่งนี้ เสมือนได้กลับบ้านเก่าอย่างนั้น ปริศนานี้ เอาไว้รู้ด้วยตัวเองในโอกาสต่อไปครับ